หลังจากผ่านไปสองภาคแล้ว กับการตามล่าหา coffee prince
ที่ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ ไปอย่างเหนื่อย แต่ข้าพเจ้าได้พบเจอกับ ร้านแฟรนไชส์ กับ ประตูร้าน
มาวันนี้ วันนี้แหละที่ความฝันจะเป็นจริง
เที่ยวนี้ข้าพเจ้าเตรียมตัวเก็บข้าวของหลังเลิกงานที่โรงแรมก่อน ล้างหน้าล้างตา
ออกจากโรงแรมประมาณสองทุ่มนิดๆ พร้อมกับคณะลูกทัวร์อีกสองคน ได้แก่พี่ติ๊ก กะ พี่ปรีชา
พี่ติ๊ก แกเคยดูเรื่องนี้มาแล้ว แต่พี่ปรีชานี่ดิ ยังไม่เคยดูมาก่อนเลย แอบเกรงใจเหมือนกัน
ต้องมาดูร้านกาแฟบ้าบอนี่ แต่ยังไงข้าพเจ้าก็ต้องไปให้ได้ เกิดมาไม่เคยเข้าบ้านสาวบ่อยครั้งเท่านี้มาก่อน
การเดินทางเหมือนเดิมครับ สถานีเดิม ทางเดิม อ่านในบล็อคก่อนหน้านี้เลย
ขนาดตอนกลางคืนอากาศยังอบอ้าว ร้อนมาก เดินถึงร้านเหงื่อออกกันท่วมตัว
และแล้วๆ ก็ถึงร้านในฝันของข้าพเจ้า รอก่อนนะฝาชักโครก จะไปถ่ายให้หนำใจ
พอไปถึงปุ๊บ โอ้ว้าวววววววว
ร้านสวยมากๆ มีต้นไม้ที่ประดับด้วยไฟดวงเล็กเปลี่ยนสีได้ช่วยสร้างความหวานได้เป็นอย่างดี
พร้อมกับรถ เออ… ของใครวะ แม่งจอดตั้งแต่เช้ายังไม่เอากลับบ้านอีก
แต่คอนเซ็ปต์เดิม กูถ่าย
บรรยากาศร้านเป็นแบบบ้านไม้ผสมปูนเปลือยสไตล์โมเดิร์น มีกระจกเห็นวิวโดยรอบ
พร้อมบันไดระเบียงไม้ที่รอต้อนรับอยู่ด้านหน้า ขนาดเล็กๆ แต่ดูอบอุ่น
ก้าวแรกที่เข้าไปก็เจอะเจอกับเคาน์เตอร์ไม้ที่ โก อึน ชัน ไว้ขายของตอนเช้า
ซึ่งปัจจุบันทางร้านเอาไว้ตั้งโชว์ เฉยๆ ไม่ได้ใช้จริงแล้ว
ถ้าได้กินน้ำฝีมือโก อึน ชัน ก็คงจะดี ^^
รอบๆ ก็เป็นสวนเล็กๆ ข้างๆระเบียงไม้มีแสงสปอตไลท์ส่องตามจุดต่างๆ
พร้อมกับเก้าอี้ ที่ยังคงเป็นแบบในละครอยู่ บรรยากาศโรแมนติกมาก
ถ้ามีคนรู้ใจไปด้วยก็คงจะดี T-T
พอเข้าไปในร้าน ผ่านประตูกระจก ก็ตาค้างไปชั่วครู่
นี่มัน นี่มัน กำแพงอิฐสีขาว ที่ โก อึน ชัน นั่งก่ออิฐ ฉาบปูน ทาสี
เรามาไม่ผิดร้านแล้ว
เดินอีกหน่อยก็เจอเคาน์เตอร์ขายกาแฟ
ตาค้างอีกรอบ เหมือนในละครเลย แต่น่าเสียดายที่
กระดานดำที่เขียนรายการเครื่องดื่ม ไม่ใช่รายมือของโกอึนชันซะแล้ว
มองคนขายแล้วรู้สึกผิดคอนเซ็ปต์ coffee prince ที่จะมีแต่พนักงานชายเท่านั้น
แต่ตอนนี้กลายเป็น coffee princess ไปซะแล้ว พนักงานผู้หญิงเยอะมาก
พอเข้าไปสั่งกาแฟ ก็เจอกับโรคกะเหรี่ยงเหมือนเดิม
เออ รักษาคอนเซ็ปต์กันได้ดีจริงๆ ทั้งร้านต้นแบบกับร้านแฟรนไชส์
แต่เที่ยวนี้ดีหน่อย มีเมนูภาษาอังกฤษด้วย ท่าทางจะมีนักท่องเที่ยวมาบ่อย
เพราะขนาดข้าพเจ้าไป ก็เจอคนถ่ายรูปร้านโดยรอบๆ ตลอดเวลาไม่ขาดสาย
สั่งมอคค่า (ตามคำแนะนำพี่สาม) กับ กีวีปั่น
ที่นี่คงคอนเซ็ปต์ตามละคร คือสั่งเสร็จให้มารอที่โต๊ะนะครับ
พนักงานเขาจะเดินมาเสริฟ์ให้ถึงโต๊ะเลย
ระหว่างรอก็ไปถ่ายรูปกันที่จุด hi light ของร้านเลย นั้นคือรูปเพนท์ดอกทานตะวัน
ที่ที่ พระเอกกับนางเอกจุ๊บปากกันจ้วบ จ้วบ
(เออ แต่ไมเรากลับถ่ายอย่างโดดเดี่ยววะ จะจ๊วบกับพี่ปรีชาหรือพี่ติ๊กก็คงไม่ได้บรรยากาศ)
ปล. ดอกทานตะวันนี่เขาวาดใหม่แปะทับของเดิมที่สึกหรอไปครับ น่าเสียดายอ่ะ
บรรยากาศรอบๆร้าน น่ารักมากๆ รู้สึกโชคดีที่มาตอนดึก
แต่น่าเสียดายที่ชั้นสองเขาปิดไม่ให้เข้า
หลังจากดูเสร็จเครื่องดื่มก็มาเสิร์ฟที่โต๊พอดี
หน้าตาน่ากินใช้ได้ทีเดียว แถมรสชาติก็อร่อย
ไม่ใช่อร่อยธรรมดา จัดว่าอร่อยมากๆๆๆๆๆๆๆ
มอคค่าที่พี่สามแนะนำนี่อร่อยจิงๆ ช็อคโกแลตเข้ากับรสกาแฟดีเหลือเกิน
ดูดไปสองปื้ดก็หมดซะแล้ว กาแฟราคา 8000 วอนหมดไปซะแล้ว (สองร้อยกว่าบาท)
ส่วนน้ำกีวี ที่นี่ก็ใช้กีวีสดจริงๆมาปั่น ใครที่ชอบกินหวานอาจไม่ถูกใจได้
แต่ข้าพเจ้ากลับชอบ ไม่ได้กินกีวีสดแบบนี้มานาน หนำใจมาก
กับราคา 7000 วอน สำหรับน้ำกีวี T_T
หน้าแข้งข้าพเจ้าแทบร่วงจะหมดแล้ว
และแล้วตาก็เหลือบไปเห็นไฮไลท์สำคัญของร้าน
นั้นคือลายเซ็นนักแสดงนำ
ของพระรอง ผู้โรแมนติกและเชื่อมั่นในคนรัก
พระเอก เออ หน้าเหียก ตัวเหม็น รักแร้ดำ บังอาจมาจูบน้องโก อึน ชัน
และ และ และ
ของน้อง โก อึน ชัน สุดน่ารัก ดูลายเซ็นของเธอซิ
ยังสวยงาม มีสไตล์ น่ารัก คิกคุ รักเด็ก รักธรรมชาติ รณรงค์ลดโลกร้อน
เหมาะที่จะให้ยูเนสโก้ ยกเป็นมรดกโลก
รู้สึกชาตินี้ ไม่เสียแรงที่ได้เกิดมาเพื่อพบเธอ โก อึน ชัน
พยายามมาสองรอบ แต่ก็พลาดกัน
แต่สวรรค์มิสามารถพลาดจากเราได้
สุดท้ายยังไง พี่ก็ต้องมาพบเธอให้ได้
แด่ โก อึน ชัน สาวน่ารัก ผู้ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตนเอง
ปล. น่าเสียดายยิ่งนักที่โถฉี่ดันเสีย ปิดบริการ ทำให้ไม่สามารถถ่ายภาพมาได้
\\\ Happy Ending ///
ในที่สุดก้อสมหวังซะทีนะน้องคิม
ม็อคค่า อร่อยใช่มั้ยละ
ปล. พี่ก้อชอบกินน้ำกีวี่เหมือนกัน อร่อยที่ซู๊ดดดด
เสียดายช่วงนี้แพงเหลือหลาย ยังตัดใจซื้อมะลงอะ
เฮ้ย!!!! มาว่าพระเอกน่ารัก
ของเราได้ไงฟระคิม เราไม่ยอมๆๆๆๆ